มะเร็งตับถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากในประเทศไทย เนื่องจากการใช้ชีวิต และปัจจัยอื่น ๆ ของผู้ป่วยเช่น พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งโดยส่วนมากผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจะพบมากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 2-3 เท่า ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เพศชายเกิดโรคมะเร็งตับได้มากกว่า เนื่องมาจาก การดื่มแอลกอฮอล์ จึงส่งผลให้เพศชายเป็นมะเร็งตับมากกว่าเพศหญิง 2-3 เท่าแต่ไม่ได้หมายความว่าเพศหญิง จะไม่มีโอกาสเป็นมะเร็งตับ เพราะ ไม่ดื่มก็มีความเสี่ยงโรคมะเร็งตับได้จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการออกกำลังกาย
มะเร็งตับเกิดขึ้นได้อย่างไร
มะเร็งตับ คือ มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ภายในตับ ซึ่งมีโอกาสลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้ โดยเกิดขึ้นอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ชนิดที่ 1 มะเร็งตับ ชนิดปฐมภูมิ (เกิดขึ้นเองได้ในตับ) และมะเร็งตับทุติยภูมิ (เซลล์มะเร็งเกิดจากมะเร็งชนิดอื่นๆลุกลามมายังตับ)

สาเหตุการเกิดมะเร็งตับ
ดื่มสุราและแอลกอฮอล์เป็นประจำ
สาเหตุหลัก ๆ ของโรคมะเร็งตับ เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว และมีโอกาสเกิดโรคภาวะตับแข็ง ภาวะตับอักเสบ ตับวายร่วมด้วย
ผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับ
สาเหตุที่เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ การเกิดไขมันพอกตับ อาจจะมีอาการไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานร่วมด้วย
ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ B และ C มีโอกาสพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับสูง หากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษา
ผู้ที่รับประทานอาหารปนเปื้อนสาร
รับประทานอาหารปนเปื้อนสาร โดยเฉพาะสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) หรือเชื้อรา ที่พบมากในถั่วลิสง ธัญพืช พริกแห้ง กระเทียม ที่มีกรรมวิธีในการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมส่งผลต่อการเกิดมะเร็งตับ
แม้ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถเสี่ยงต่อมะเร็งตับได้เช่นกัน หรือ มะเร็งจากพันธุกรรม เช่นมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งตับมีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยสามารถสังเกต อาการตนเองเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็งตับได้ดังนี้
.png)
เลี่ยงมะเร็งตับด้วยการดูแลตัวเอง
1.ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ วิธีการที่ป้องกันโรคมะเร็งตับได้ดีที่สุด ช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งตับได้ โดยราคาปกติอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 5,000 ต่อการฉีด 1 ครั้ง
2.งดหรือเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ แม้ดื่มในปริมาณมากหรือน้อยก็มีความเสี่ยงที่เกิดโรคมะเร็งตับได้ เช่นกัน และเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้นๆ ของโรคมะเร็งตับไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
3.ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) เช่น ถั่วลิสงและธัญพืชที่อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งตับได้
4.มีเพศสัมพันธ์โดยป้องกันทุกครั้ง ป้องกันการติดโรคมะเร็งตับจากสารคัดหลั่งจากคู่นอน
5.ลดอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เพื่อป้องกันโรคไขมันพอกตับซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ
6.ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ การควบคุมอาหารและออกกำลังกายช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญ และเพิ่มระบบคุ้มกันในร่างกาย ลดการสะสมไขมันในร่างกาย
7.ตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ การตรวจสุขภาพช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้นได้เร็วและลดโอกาสการลุกลาม ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้เป็นปกติ
